เจ้าสีหนุ กษัตริย์ถูกเลือก เพราะอ่อนแอเป็นเรื่องเล่าขานในสังคมเขมรทั่วไป แต่เป็นเรื่องเล่าที่เชิดชูความสามารถของเจ้าสีหนุมากกว่าในฐานะที่พระองค์ได้กลายเป็นพระบิดาเอกราชแห่งชาติกัมพูชา โดยเรื่องเล่านี้เป็นการล้อเลียนพวกฝรั่งเศสที่มองเจ้าสีหนุผิด เพราะพระองค์ไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกฝรั่งเศสคิดเอาไว้แต่ประการใด แต่พระองค์ทรงเป็นผู้เรียกร้องเอกราชให้กัมพูชาจากฝรั่งเศสด้วยพระองค์เอง แม้ถูกกดดันอย่างหนักจากฝรั่งเศสในขณะนั้น และที่สุดฝรั่งเศสก็จำใจย่อมให้เอกราชแก่กัมพูชาในปี ค.ศ. 1953
ภายหลังประสบความสำเร็จในการเรียกร้องเอกราชให้กัมพูชาได้ไม่นานเจ้าสีหนุประกาศสละราชบัลลังก์เพื่อลงไปเล่นการเมืองแบบเต็มตัว ยกราชบัลลังก์ให้พระราชบิดาขึ้นครองราชบัลลังก์แทน
![]() |
เจ้าสีหนุ |
การลงเล่นการเมืองตามระบบประชาธิปไตยของเจ้าสีหนุได้ประสบความสำเร็จอย่างสูง ชนะการเลือกตั้งเกิน 80 เปอร์เซ็นของที่นั่งในรัฐสภา พระองค์กลายเป็นนายกรัฐมนตรีแบบสบายๆ แทบจะไร้เสียงต่อต้านใดๆ ทั้งสิ้น พระองค์กลายเป็นผู้นำการเมืองใช้อำนาจบริหารประเทศแบบเผด็จการ หลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่นาน พวกพรรคฝ่ายค้านที่มีหน่อยนิดก็ไม่มีที่นั่งในสภาอีกต่อไป เจ้าสีหนุกำจัดหมด กลายเป็นรัฐบาลพรรคเดียวเหมือนอย่างรัฐบาลฮุน เซน ในปัจจุบันไม่ผิดเพี้ยน ส่วนพวกนักการเมืองที่ถูกเจ้าสีหนุกำจัดส่วนมากก็คือพวกแกนนำเขมรแดงในเวลาต่อมา และคำว่า "เขมรแดง" ที่เราท่านทั้งหลายรู้จักนี้ก็เป็นคำภาษาเขมรที่เจ้าสีหนุนี้แหละใช้เรียกพวกนักการเมืองฝ่ายซ้ายที่นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ และนักการเมืองเขมรแดงนี้แหละเป็นศัตรูหมายหนึ่งของเจ้าสีหนุ แต่ทว่า เมื่อเจ้าสีหนุถูกรัฐประหารในปี ค.ศ. 1970 ซึ่งคนที่ทำรัฐประหารปลดเจ้าสีหนุก็มิใช่ใครอื่น หากเป็นนายพลคนสนิทกับเจ้าสิริมะตะผู้เป็นผู้ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าสีหนุนั้นเอง โดยนายพลคนสนิทเป็นที่ไว้วางใจจากเจ้าสีหนุให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนเจ้าสิริมะตะเป็นรองนายกรัฐมนตรี
เมื่อเจ้าสีหนุถูกคนสนิทหักหลังแบบนี้ มีเรื่องเล่าว่า พระองค์คิดจะไม่เล่นการเมืองต่อ คือย่อมถอยไม่สู้ แต่ความคิดของเจ้าสีหนุถูกคัดค้านด้วยฝ่ายจีน เพราะตอนนั้นเจ้าสีหนุพำนักอยู่จีน คือตอนถูกรัฐประหารเจ้าสีหนุกำลังเดินไปเยือนประเทศรัสเซีย แต่ระหว่างทางนั้นพอพระองค์ทรงทราบว่าถูกปลดจากตำแหน่งแล้ว พระองค์ก็เดินไปประเทศจีนทันที่ คล้ายๆ ไปตั้งหลักที่จีน และที่นั้นพระองค์ถูกฝ่ายจีนขอร้องให้สู้ต่อ เข้าใจว่า นายกรัฐมนตรีจีน โจว เอิน ไหล หรืออาจมีประธานเหมา เจอตุงด้วย พยายามเกี้ยกล่อมให้เจ้าสีหนุสู้ต่อ ฝ่ายจีนสนับสนุนให้เจ้าสีหนุจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นกัมพูชา โดยฝ่ายจีนรับปากเป็นเจ้าภาพด้านอาวุธยุทโธปกรณ์แบบไม่อั้นให้รัฐบาลพลัดถิ่นกัมพูชาของเจ้าสีหนุ แต่ฝ่ายจีนมีเงื่อนไขว่าเจ้าสีหนุต้องรวมมือกับเขมรแดง ซึ่งข้อเสนอนี้ไม่แปลกเลยที่ทำให้เจ้าสีหนุลังเลจะสู้ต่อ เพราะเขมรแดงเป็นศัตรูของพระองค์มาก่อน และแกนนำเขมรแดงไม่น้อยถูกพระองค์สั่งล่าหรือจับตายตอนที่พระองค์ยังมีอำนาจอยู่
อย่างไรก็ตามด้วยความแกรงใจฝ่ายจีนด้วยละมัง? ในที่สุดเจ้าสีหนุย่อมสู้ต่อตามข้อเรียกร้องของผู้นำจีน สิ่งแรกที่พระองค์ทำในนามรัฐบาลพลัดถิ่นกัมพูชา พระองค์ได้ประกาศเรียกร้องให้ชาวเขมรที่ภักดีต่อพระองค์หนีเข้าป่ารวมต่อสู้กับกองกำลังเขมรแดงเพื่อต่อสู้ยึดกรุงพนมเปญของรัฐบาลนายพล ลอน ลอน ที่มีสหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุนอยู่
![]() |
เจ้าสีหนุกับนายเขียว สัมพร แกนนำเขมรแดง |
การประกาศให้ชาวเขมรผู้ภักดีต่อพระองค์เข้าป่าถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง กองกำลังเขมรแดงในป่าที่เคยมีเพียงหลัก 1,000 นาย กลายเป็นถึง 60,000 นาย ในเวลาปีเดียว แสดงว่าจำนวนทหารเข้าป่าเพิ่มขึ้นรวดเร็วแบบนี้เป็นบารมีของเจ้าสีหนุอย่างแน่นอน ส่วนคนที่ยิ้มออก และสบายใจที่สุด คือ พล พต เพราะเป็นโอกาสที่เขาจะยึดกรุงพนมเปญไม่ใกลเกินเอื้อมอีกต่อไป และถัดจากนั้นเพียงห้าปี พล พต สามารถนำทหารเขมรแดงยึดกรุงพนมเปญได้สำเร็จในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 1975
แต่น่าสังเกตว่า เจ้าสีหนุแม้รวมต่อสู้กับเขมรแดง จนสามรถยึดกรุงพนมเปญได้ แต่เจ้าสีหนุไม่เคยรู้เลยว่า ใคร คือ พล พต ตอนถูกรัฐประหารใหม่ๆ พระองค์พำนักอยู่ประเทศจีน ตอนนั้น ฝ่ายจีนก็เรียกให้ พล พต ไปประเทศจีนเหมือนกัน แต่ฝ่ายจีนปิดบังไม่ให้พระองค์ทราบว่า พล พต ก็อยู่ในประเทศจีน หลังจากเขมรแดงปกครองประเทศกัมพูชาปีกว่า เจ้าสีหนุจึงรู้ว่าใคร คือ พล พต แต่เมื่อรู้ว่าใคร คือ พล พต พระองค์ก็กลายเหยื่อของพล พต ไปแล้ว พระองค์ถูกกักขังในวังด้วยคำสั่ง พล พต ไม่อาจหนีไปไหนได้อีกแล้ว แต่เจ้าสีหนุโชคดีกว่าชาวเขมรคนอื่น ๆ ที่ พล พต ไม่สั่งฆ่า มิงั่นคงกลายเป็นผีเหมือนชาวเขมรอื่นๆ
#เจ้าสีหนุ #เขมรแดง