วันที่ 23 กรกฏาคม 2566 ที่ประเทศกัมพูชาจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ซึ่งเป็นพรรคครองอำนาจมายาวนานของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ได้ส่งคนรุ่นหนุ่มสาวชาวกัมพูชาสู่สนามเลือกตั้งเยอะเป็นประวัติการ ต่างกับครั้งก่อนๆ ที่พรรคประชาชนกัมพูชามักจะส่งคนรุ่นเก่าๆ ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคนเก่่าแก่เหล่านั้นมากว่าครั้งหนึ่งเป็นนักต่อสู่ในป่า หรืออดีตกรรมมาภิบาลเขมรแดงมาก่อน และอีกส่วนหนึ่งเป็นอดีตข้าราชการที่เกษียณไปแล้ว
![]() |
สมเด็จฮุน เซน และลูกชายทั้งสาม |
สำหรับการเลือกตั้งรอบนี้นักการเมืองรุ่นใหม่เป็นที่น่าสนใจหลายคน คนแรก คือ พลเอกฮุน มาแนต ลูกชายคนโตของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน เป็นครั้งแรกที่พลเอกฮุน มาแนตที่ตอนนี้ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชาชั่วคราวเพื่อเข้าสู่ศึกเลือกตั้ง โดยเขตเลือกตั้งที่พลเอกฮุน มาแนตลงสมัครรับเลือกตั้ง คือกรุงพนมเปญ ตามรายงานข่าว CC- Times สื่อออนไลน์กัมพูชาระบุว่า พรรคประชาชนกัมพูชาจัดให้พลเอกฮุน มาแนตอยู่ในรายชื่อผู้รับสมัครเลือกตั้งอันดับหนึ่งในเขตเลือกตั้ง ซึ่งในเขตเลือกตั้งกรุงพนมเปญมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจำนวน 12 ที่นั่งในสภากัมพูชา
ส่วนคนรุ่นใหม่อีกจำนวนหนึ่งที่เข้าสนามเลือกตั้งครั้งนี้ล้วนเป็นลูกหลานของนัการเมืองรุ่นเก่าแก่แทบทั้งสิ้น เช่น ลูกชายของพลเอกเตีย บัน รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ลูกชายของนาย สอ เขง รัฐมนตรีมหาหาตไทยกัมพูชา เป็นต้น และข่าวซุมซิบการเมืองตามสังคมโซเชี่ยวมักสันนิษฐานต่อไปว่า บรรดาลูกหลานนักการเมืองที่ลงเล่นการเมืองครั้งนี้ ไม่ใช่ลงเล่นการเมืองเพียงระดับสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเท่านั้น หากแต่พวกเขาน่าจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่อจากพ่อของพวกเขาด้วย ซึ่งตามข่าวในกรณีสองรัฐมนตรีอาวุโสที่เอ่ยมาข้างต้น มีความเป็นไปได้สูงที่ถูกขยับไปรับตำแหน่งประธานสภาหรือรองประธานสภาเพื่อเปิดปูทางให้ลูกชายเข้าไปสืบทอดตำแหน่งรัฐมนตรีแทน
อย่างไรก็ตามนอกจากสองรัฐมนตรีที่กล่าวถึงแล้ว ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่สมเด็จฮุน เซน ครอบครองมามากกว่า 38 ปี ก็มีแนวโน้มสูงที่สมเด็จฮุน เซนจะยกตำแหน่งนี้ให้พลเอกเอกฮุน มาแนตภายหลังเลือกตั้งเสร็จในปีนี้ แม้ความชัดเจนเรื่องนี้ยังเป็นที่สงสัยในบรรดาคนชอบติดตามการเมืองก็ตาม แต่สื่อมวลชนกัมพูชาคาดการณ์ว่าสมเด็จฮุน เซน อาจลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปีนี้เพื่อเปิดทางให้ลูกชายคนโต พลเอกฮุน มาแนตขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาต่อไป
แต่ถึงแม้ว่าสมเด็จฮุน เซนจะสละตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ตัวเขาครอบครองมายาวนาน แต่ทว่าสมเด็จฮุน เซนมักกล่าวบ่อยๆ ว่า "ผมจะยังไม่ไปไหน ยังเป็นหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชาต่อไป" ซึ่งแน่นอนว่า หากสมเด็จฮุน เซนยังเป็นหัวหน้าพรรคประชาชนตามเดิม บารมีการเมืองของสมเด็จฮุน เซนก็น่ายังมีเหมือนเดิมเช่นกัน และตามรายงานข่าวของอดีตผู้นำฝ่ายค้านก็น่าเป็นไปได้ที่บอกว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซน อาจจะไปนั่งประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งตำแหน่งนี้แม้จะไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่ก็เป็นตำแหน่งที่มีเกียติ เพราะตามรัฐธรรมนูญกัมพูชาระบุชัดว่าประธานวุฒิสภาเป็นตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ฯ ด้วย เมื่อกษัตริย์ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้หรือกษัตริย์ไม่ทรงประทับในประเทศ
สรุปการเลือกตั้งทั่วไปที่กัมพูชาที่กำลังเกิดขึ้น อาจมีนักการเมืองหน้าใหม่เยอะขึ้น ซึ่งคนเหล่านี้มักมีการศึกษาดี ซึ่งต่างกับคนรุ่นพ่อของพวกเขาที่ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการศึกษาเท่าที่ควร เพราะต้องเข้าป่าเป็นคอมมิวนิสต์เขมรแดงตั้งแต่เป็นยุวชน อย่างเช่น สมเด็จฮุน เซนเข้าป่ารวมต่อสู้กับเขมรแดงตั้งแต่อายุ 18 ปี ส่วนสมเด็จเฮง สำริน ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนปัจจุบันแค่อ่านหนังสือก็แทบจะไม่ได้ ดังนั้น นักการเมืองคนรุ่นใหม่จึงเป็นที่คาดหวังของคนกัมพูชาทั่วไป