ภาพด้านล่างนี้เป็นภาพหนึ่งที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์การเมืองกัมพูชา บุคคลสำคัญหนึ่งในภาพคือเจ้าสีหนุอดีตกษัตริย์กัมพูชาพร้อมแกนนำเขมรแดงอื่นๆ มีนายเขียว สัมพัน เป็นต้น ทุกคนในภาพเรียกได้ว่าเป็นพวกเขมรแดง หากถามต่อว่าเขมรแดงคือใคร คำตอบเขมรแดงก็คือคนเขมรกลุ่มหนึ่งที่นำเอาลัทธิคอมมิวนิสต์มาเป็นอุดมการณ์ทางการเมือง เห็นคำตอบแบบนี้บางคนประหลาดใจว่า อ้าว!! เจ้าสีหนุอดีตเป็นถึงกษัตริย์จะกลายเป็นพวกเขมรแดงได้อย่างไง คำตอบเรื่องนี้อธิบายไม่ง่ายครับ เพราะมันสุดวิสัยจริงๆ ที่กษัตริย์กลายเป็นคอมมิวนิสต์เสียเอง แต่ถ้าใครติดตามการเมืองกัมพูชามาบ้างคงเข้าใจดี เรื่องมีอยู่ว่าแต่เดิมนั้นเจ้าสีหนุ หรือเรียกแบบทางการว่าพระบาทสมเด็จนโรดม สีหนุ พระองค์ถูกฝรั่งเศสคัดเลือกให้เป็นกษัตริย์กัมพูชา แต่ครองราชย์ไม่นานก็สละราชสมบัติให้พระราชบิดา นามว่าพระบาทสมเด็จนโรดม สุรามฤต ต่อจากนั้นเจ้าสีหนุก็ลงเล่นการเมืองแบบนักเมืองเต็มตัวและได้ความรับนิยมสูงมากในขณะนั้น ได้รับการเลือกตั้งแทบจะทุกครั้งภายใต้พรรคสังคมราชนิยม พระองค์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชามากถึง 10 สมัย
แต่อย่างไรก็ตามแม้เจ้าสีหนุจะได้รับความนิยมสูงจากประชาชนกัมพูชา
แต่พระองค์ก็ประสบปัญหาการบริหารประเทศมากเป็นพิเศษ
อันเนื่องมากจากคนในรัฐบาลเองแบ่งเป็นสองพวกใหญ่ หนึ่งคือพวกนิยมฝ่ายซ้าย
กลุ่มนี้ต่อมากลายเขมรแดงหลายคน สองคือพวกฝ่ายขวา นิยมเสรีประชาธิปไตย
ทั้งสองฝ่ายสร้างปัญหาให้เจ้าสีหนุต้องหาแนวทางจัดการปัญหาแทบตลอดเวลา ทำให้เจ้าสีหนุเองบางครั้งเอียงซ้าย
บางครั้งเอียงขวา
แต่ทว่าการเอียงขวาน่าเป็นเรื่องปกติในฐานะกัมพูชามีกษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ แต่ที่แปลกคือการเอียงซ้ายไปหาฝ่ายคอมมิวนิสต์
ทั้งนี่ หากใครเคยอ่านหนังสือการเมืองกัมพูชามาบ้างจะทราบว่า เจ้าสีหนุมีความชื่นชอบอดีตผู้นำเกาหลีเหนือนายคิม
อิล-ซ็อง มากเป็นพิเศษ พระองค์ใช้คำว่า “นายคิม อิล-ซ็องเป็นมหามิตรที่แท้จริง”
ส่วนรองลงมาคือประธานเหมาเจอตุงเป็นมหามิตรของพระองค์เช่นกัน น่าสังเกตเวลาเกือบครึ่งในชีวิตเจ้าสีหนุท่านพำนักในเกาหลีเหนือและจีน
แสดงให้เห็นว่าเจ้าสีหนุชื่นชอบผู้นำคอมมิวนิสต์ทั้งสองคนนั้นจริง กษัตริย์รักคอมมิวนิสต์แปลกมั้ยล่ะ
!!
ดังนั้น
เมื่อเจ้าสีหนุมีรสนิยมอุดมการณ์การเมืองไปทางฝ่ายซ้ายเช่นนั้น
ฝ่ายขวาก็ต้องจัดการสิครับ 18 มีนาคม ค.ศ. 1970 ก็ถูกรัฐประหารจากฝ่ายขวานิยมเสรีประชาธิปไตยนำโดยนายพลคนสนิทหนึ่ง
และอีกคนเป็นลูกพี่ลูกน้องเจ้าสีหนุนั้นแหละเรียกว่าทั้งสองนี้เป็นคนสนิทเจ้าสีหนุไว้ว่างใจมากที่สุด
แต่ก็ยัดอำนาจเจ้าสีหนุไปเรียบร้อย เมื่อเจ้าสีหนุหมดอำนาจไม่มีเรียวแรงจะสู้
คิดจะถอย แต่ถูกขอร้องจากนายกรัฐมนตรีขณะนั้นขอร้องให้เจ้าสีหนุลุกขึ้นสู้เพื่อกำจัดรัฐบาลใหม่ที่ยึดอำนาจจากเจ้าสีหนุเอง
ในประวัติศาสตร์ทางการเมืองกัมพูชาพูดตรงกันว่า ตอนนี้เจ้าสีหนุไม่เต็มใจกับข้อเรียกร้องสักเท่าไร
แต่คงเพราะความแกรงใจผู้นำจีนจึงรับปาก
ทั้งนี้
เหตุผลที่เจ้าสีหนุไม่เต็มใจจะสู้ต่อ เพราะผู้นำจีนแนะนำให้เจ้าสีหนุจับมือกับพวกเขมรแดงอ่ะ
โดยฝ่ายจีนรับปากว่าจะเป็นผู้สนับสนุนใหญ่ทางด้านอาวุธให้ เกมนี้ใครๆ ก็มองออกครับ เขมรแดงนั้นเป็นศัตรูหมายหนึ่งของเจ้าสีหนุมาก่อน
พอมาวันนี้ต้องมาจับมือเพื่อต่อสู้ทางการเมืองแบบนี้เจ้าสีหนุคงทำใจลำบากครับ
แต่แบบนี้เรียกได้ว่าเป็นสัจจะธรรมการเมืองอย่างแท้จริง คือไม่มีมิตรแท้
และศัตรูที่ถาวรในโลกการเมืองดังที่เค้าว่าจริงๆครับ
และเมื่อเจ้าสีหนุจำใจต้องมาจับมือกับศัตรูเก่าอย่างพวกเขมรแดงนิยมลัทธิเหมาแบบนี้ ภาพด้านล่างจึงปรากฏในสื่อทั่วโลก เป็นภาพที่บอกเล่าประวัติศาสตร์การเมืองกัมพูชาได้อย่างดี ภาพนี้เป็นภาพโฆษณาชวนเชื่อฝ่ายเขมรแดงให้ชาวกัมพูชาเข้าป่าต่อสู้เพื่อให้เจ้าสีหนุกลับมาเป็นผู้นำประเทศกัมพูชาอีกครั้ง เมื่อภาพนี้ปรากฏบนสื่อทั่วไปทำให้พวกเขมรแดงยิ่งได้รับความนิยมชาวกัมพูชายิ่งขึ้น เพราะชาวกัมพูชาใครๆ ก็รักอดีตกษัตริย์ทั้งนั้น โดยเฉพาะชาวบ้านชนบทนั้นแทบร้อยทั้งรับเจ้าสีหนุ และไม่นานต่อจากนั้นเขมรแดงก็สามารถยึดกรุงพนมเปญได้สำเร็จจากรัฐบาลที่เคยทำการรัฐประหารเจ้าสีหนุ
 |
| สมเด็จสีหนุพร้อมพระมเหสีถ่ายภาพกับนายเขียว สัมพัน และแกนนำเขมรแดง |
ที่นี่
พอเขมรแดงนำโดยนายพล พต ยึดอำนาจกรุงพนมเปญได้เบ็ดเสร็จ เจ้าสีหนุก็ถูกเชิญให้เป็นประมุขแห่งรัฐตามเดิม
แต่เพิ่มเติมเจ้าสีหนุไม่มีอำนาจอะไรทั้งหมด อำนาจตัดสินทั้งหมดอยู่ที่นายพล พต แต่ผู้เดียว
งานนี้ถ้าไม่เรียกว่าเจ้าสีหนุโดนเขมรแดงหลอกก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอย่างไงดี สุดท้ายเจ้าสีหนุต้องยื่นใบลาจากตำแหน่งหุ่นเชิดของเขมรแดง
และถูกเขมรแดงจับกักขังในวังตลอดเวลาเกือบสามปี